วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
หมู่เกาะสิมิลัน ดินแดนมหัศจรรย์ แห่งทะเลอันดามัน
ร้อน... ร้อน... ร้อน... นับวันอากาศบ้านเราดูเหมือนจะร้อนขึ้นทุกวันๆ แถมอุณหภูมิก็ดูเหมือนจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้เราต้องหาวิธีคลายร้อนกันหน่อยแล้ว งั้น... ไปเที่ยวทะเลกันดีกว่า!!
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวทะเลดับร้อนกันที่ "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน" หมู่เกาะกลางทะเลอันดามันที่เป็นเลิศในด้านความงามของปะการังใต้ท้องทะเล อยู่ที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ครอบคลุมพื้นที่ 80,000 ไร่ ประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2525
สำหรับคำว่า "สิมิลัน" เป็นภาษายาวีหรือมลายู แปลว่า เก้าหรือหมู่เกาะเก้า ทั้งนี้ หมู่เกาะสิมิลันเป็นหมู่เกาะเล็กๆ ในทะเลอันดามัน มีทั้งหมด 9 เกาะ เรียงลำดับจากเหนือมาใต้ ได้แก่ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมี่ยง (มี 2 เกาะติดกัน) เกาะปายู เกาะหัวกระโหลก ( เกาะบอน) เกาะสิมิลัน และเกาะบางู มีที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อยู่ที่เกาะเมี่ยงเพราะเป็นเกาะที่มีน้ำจืด หมู่เกาะเหล่านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่เกาะที่มีความงามทั้งบนบกและใต้น้ำที่ยังคงความสมบูรณ์ของท้องทะเล สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก มีปะการังที่มีสีสันสวยงามหลายชนิด ปลาหลากสีสันและหายาก เช่น กระเบนราหู ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาไหลมอนเร่ ปลาการ์ตูน
หากใครคิดจะไปเที่ยวที่ "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน" ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุด ส่วนช่วงเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน เป็นฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีคลื่นลมแรงเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติ จะประกาศปิดเกาะในเดือนพฤษภาคมเพื่อเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติทุกปี
เอาล่ะ!! ได้เวลามาดูสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันกันแล้ว
เริ่มกันที่ "เกาะสิมิลัน" ก่อนเลยแล้วกัน... เพื่อนๆ รู้ไหมว่า จริงๆ แล้ว "เกาะสิมิลัน" เนี่ย มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "เกาะแปด" เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะสิมิลัน ลักษณะอ่าวเป็นรูปโค้งเหมือนเกือกม้า มีหาดทรายขาวละเอียดเนียนนุ่ม น้ำทะเลสีใสน่าเล่น แถมใต้ท้องทะเลยังมีปะการังสวยงามหลากหลายชนิด ทั้งปะการังเขากวาง ปะการังใบไม้ ปะการังสมอง ปะการังดอกเห็ดขนาดใหญ่ที่มีความสมบูรณ์ กัลปังหา พัดทะเล กุ้งมังกร และปลาประเภทต่างๆ ที่มีสีสันสวยงามมากมาย เป็นเกาะที่สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำลึกและน้ำตื้น ส่วนทางด้านเหนือของเกาะนั้นก็มีก้อนหินขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตาชวนให้แปลกใจ เช่น หินรูปรองเท้าบู๊ท หรือรูปหัวเป็ดโดนัลด์ดั๊ก ตอนบนที่ตรงกับแนวหาดมีหินรูปเรือใบ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นความสวยงามของท้องทะเลได้กว้างไกล (ว้าว...)
ต่อกันที่ "เกาะบางู" หรือ "เกาะเก้า" เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีโขดหินรูปลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะที่จุดดำน้ำ "กองหินคริสมาสพอยต์" เป็นกองหินใต้น้ำขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามสลับซับซ้อนกันเป็นบริเวณกว้าง จะมีแนวปะการัง และกัลปังหาที่สมบูรณ์ และยังเป็นที่อยู่ของปลาหลากชนิด เช่น ปลาไหลริบบิ้น ฉลามครีบเงิน ปลาเก๋า ปลาบู่ กั้งตั๊กแตน... ถูกใจนัก (ชอบ) ดำน้ำนักแหละ
"เกาะหัวกะโหลก-หินปูซา" หรือ "เกาะเจ็ด" เป็นเกาะที่มีลักษณะเหมือนรูปหัวกะโหลก สภาพใต้น้ำสวยงามเหมือนหุบเขาใต้ทะเลที่เต็มไปด้วยปะการังอ่อน กัลปังหารูปพัดหลากสีสัน ฝูงปลานานาพันธุ์ และยังสามารถพบปลากระเบนราหู หรือฉลามวาฬได้มากที่สุดแห่งหนึ่งในหมู่เกาะสิมิลัน
"เกาะหูยง" หรือ "เกาะหนึ่ง" เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีหาดทรายขาวสะอาด และยาวมากที่สุดในเก้าเกาะ มักจะมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้เห็นร่องรอยของเต่าที่ขึ้นมาวางไข่บนชายหาดคล้ายกับรอยตีนตะขาบเล็กๆ
"เกาะเมี่ยง" หรือ "เกาะสี่" เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่รองจากสิมิลัน เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เพราะมีแหล่งน้ำจืด ชายหาดที่เกาะสี่จะมีสีขาวละเอียดเนียนสวยงามน่าสัมผัส น้ำทะเลใส บนเกาะสี่จะมีสัตว์ที่หาดูได้ยาก เช่น ปูไก่ ที่มีลำตัวเป็นสีแดงสด มีก้ามสีดำเหลือบน้ำเงิน เวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ จะเห็นได้ในช่วงหัวค่ำที่มันออกหากิน นกชาปีไหน เป็นนกประจำถิ่นขนาดใหญ่ตระกูลเดียวกับนกพิราบป่า มีสีสันและลวดลายบนตัวที่งดงาม จะพบได้ตามริมชายหาด หรือร้านอาหารหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และ ปูเสฉวน ที่มีมากมายหลายขนาดทั้งเล็กและใหญ่
อย่างไรก็ตาม บริเวณรอบๆ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ยังมีบริเวณดำน้ำที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอีกมากมาย ทั้งจุดดำน้ำลึกอย่าง "เกาะตาชัย" ที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของอุทยาน คุณจะได้พบกับปลาสาก ปลาค้างคาว ปลากระเบนราหู ฉลามวาฬ "เกาะบอน" อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะสิมิลัน คุณจะได้พบกับฉลามครีบขาว ปลากระเบนราหู ฉลามกบ "กองหินคริสต์มาสพอยต์" จะพบปลาไหลริบบิ้นสีฟ้า กั้งตั๊กแตน "กองหินแฟนตาซี" อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะแปด เป็นจุดรวมของหินดอกไม้ ปะการัง กัลปังหา สัตว์น้ำหลากชนิด ส่วนจุดดำน้ำตื้น ได้แก่ อ่าวลึก อ่าวกวางเอง เป็นต้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจกิจกรรมดำน้ำ สามารถติดต่อบริษัทดำน้ำในจังหวัดภูเก็ตและพังงาได้เลยค่ะ
การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน
ท่าเรือทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 70 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายพังงา - ตะกั่วป่า และเป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้อุทยานฯ ที่สุด ประมาณ 40 กิโลเมตร จากท่าเรือทับละมุใช้เวลาในการเดินทางไปหมู่เกาะสิมิลันประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง มีเรือให้เช่าหลายขนาด สำหรับ 30 คน ราคาประมาณ 10,000 บาท และ 40 คน ราคาประมาณ 12,000 บาท และใกล้ๆ บริเวณท่าเรือทับละมุมีที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเดินทางไปหมู่เกาะสิมิลัน มีเรือขนาด 80 คน ราคา 2,300 บาท/คน (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้)
ท่าเรือคุระบุรี อำเภอคุระบุรี อยู่ห่างจากหมู่เกาะสิมิลัน 70 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง สามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ คุระบุรี กรีนวิว รีสอร์ท
ท่าเรือหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ก็สามารถเดินทางไปอุทยานฯได้ ระยะทาง 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัทนำเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต หรือเดินทางโดยเรือท่องเที่ยวของบริษัทเอกชน
ที่พัก
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน มีบริการบ้านพักเป็นเรือนแถว พักได้ห้องละ 4 คน จำนวน 10 ห้อง ราคา 600 บาท พักได้ 2 คน จำนวน 5 ห้อง ราคา 1,000 บาท มีบริการเต็นท์ให้เช่า หลังละ 100 – 300 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเองเสียค่าพื้นที่กางเต็นท์คนละ 40 บาท/คืน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าขึ้นเกาะ นักท่องเที่ยว ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทร.0-7642-1365 สำนักงานบนฝั่ง โทร.0-7659-5045 หรือสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช โทร.0-2562-0760
แหล่งที่มา : http://hilight.kapook.com/view/36916
ป้ายกำกับ:
travel
วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ขนมเด็ก
เด็กอ้วนกลายเป็นปัญหาไม่ธรรมดาของสังคมไทย เพราะทำให้แต่ละปีประเทศต้องสูญเสียงบประมาณในการรักษาโรค ทั้งที่สามารถป้องกันได้
จากการรายงานขององค์การอนามัยโลกในปี 2549 พบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีทั่วโลก 22 ล้านคน มีน้ำหนักเกิน และในประเทศไทยก็พบแนวโน้มเด็กอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะการบริโภคไม่ถูกสุขลักษณะโดยเฉพาะขนมถุง ขนมซอง ขนมกรุบกรอบทั้งหลาย ที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา
เนื่องจากในขนมกรุบกรอบมีทั้งแป้ง น้ำตาล โซเดียม ซึ่งหากบริโภคมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคต่างๆ อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ไขมันในเส้นเลือดอุดตัน กระดูกผุ ฟันผุ เป็นต้น
จากการสำรวจการบริโภคขนมของเด็กและเยาวชนในปี 2549 พบว่ามีการใช้เงินซื้อขนมกรุบกรอบเฉลี่ย 26 บาท ต่อคน/ต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 40 ของค่าใช้จ่ายที่ได้รับต่อวัน หรือคนละ 9,800 บาทต่อปี เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาซึ่งใช้อยู่ที่เพียงคนละ 3,024 บาทต่อปีเท่านั้น
น.พ.สุริยะเดว ทริปาตี กุมารแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และโฆษกเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน อธิบายว่า ขนมที่มีในปัจจุบันสามารถจำแนกเป็น 5 ประเภท
1.ขนมปังกรอบ ที่ไม่มีการเคลือบน้ำตาล หรือสอดไส้ จำพวกแคล็กเกอร์
2.ขนมปังเคลือบน้ำตาล สอดไส้ต่างๆ อาทิ เวเฟอร์
3.ขนมเหนียวหนึบ ซึ่งจะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก อาทิ ลูกอม ทอฟฟี่ ช็อกโกแลต
4.ประเภทให้โปรตีน หรือเสมือนว่าให้โปรตีน อาทิ ปลาหมึกเส้น มันฝรั่งทอด สาหร่าย
5.ขนมไทยๆ มีด้วยกันหลายประเภท มีทั้งให้ประโยชน์และทำให้บริโภคสารอาหารมากเกิน
คุณหมออธิบายต่อว่า ขนมไม่ใช่ยาพิษ หากรู้จักเลือกรับประทานและรู้จักวิธีรับประทานไม่ให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากขนมเหล่านั้นมากเกิน ก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง โดยสามารถเรียงลำดับประเภทที่กินไม่ถูกต้องจะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพดังนี้
ขนมที่อยู่ในโซนสีแดงหรืออันตรายมากที่สุดในกลุ่ม คือ
ขนมประเภทเหนียวหนึบ มักทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากจนเกินไป
ขนมปังเคลือบชนิดต่างๆ มีทั้งให้น้ำตาล และโซเดียมเกินปริมาณ
และขนมที่คล้ายจะให้โปรตีน ทั้งปลาหมึกเส้น มันฝรั่งทอด มักปรุงแต่งรสมาก ทำให้ร่างกายได้รับไขมันทรานแฟต จากน้ำมันทอดซ้ำในอุตสาหกรรม และโซเดียมในเครื่องปรุงรส
ประกอบกับการดื่มน้ำอัดลมติดต่อกันเป็นเวลานาน จะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นระยะยาว เช่น ฟันผุ โรคกระเพาะ โรคอ้วน ไปจนถึงโรคเรื้อรังรุนแรงหากรับประทานตั้งแต่ยังเด็กในปริมาณมากเกินกว่าปกติจะน่าเป็นห่วงมากขึ้น เพราะจะเกิดอัตราเสี่ยงเทียบเท่าในผู้ใหญ่ ทั้งโรคไต โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ส่งผลต่อการเจริญเติบโต และอาจเกิดภาวะกระดูกพรุนได้เมื่อเป็นผู้ใหญ่
ข้อควรระวังคือ การเลือกรับประทานอย่างถูกต้องง่ายๆ ด้วยการหลีกเลี่ยงขนมที่มีการปรุงรสมากๆ ทั้งหวาน เค็ม มัน
ทานขนมให้เป็นแค่อาหารว่าง ไม่ใช่อาหารหลัก เช่น กินซองเล็ก และไม่เกินวันละ 1 ห่อ เพราะในแต่ละวันร่างกายเราได้รับสารอาหารที่พอเพียงจากอาหารมื้อหลักอยู่แล้ว แค่นี้ก็ห่างไกลโรคได้
แหล่งที่มา : http://women.kapook.com/baby00296/
ป้ายกำกับ:
variety
คนไอทีแนะวิธีสมัครงาน-ทำธุรกิจออนไลน์
ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ส่งผลให้คนจำนวนมากมองหาช่องทางในการสร้างรายได้พิเศษ เพิ่มเติมจากรายได้ประจำที่มี การหางานผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและธุรกิจออนไลน์ กลายเป็นอีกช่องทางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความรวดเร็วและความสะดวกในการใช้งาน ตลอดจนเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆ ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนและกระตุ้นให้บริการดังกล่าวเติบโตอย่างรวดเร็ว
จากกระแสความนิยมนี้ ส่งผลให้ อุทยานการเรียนรู้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ TK Park จัดกิจกรรม TK Job Market ตลาดนัดคนหางาน เมื่อวันที่ 2-3 พ.ค. 2552 ที่ผ่านมา เพื่อแนะนำและเปิดโอกาสให้ผู้ที่กำลังมองหางานและสร้างรายได้จากอินเทอร์เน็ต ร่วมรับฟังประสบการณ์จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนบริษัทจัดหางานออนไลน์ โดยงานดังกล่าว มีการถ่ายทอดเสียงทางคลื่น FM 100.5 สถานีข่าวและสาระ อีกด้วย…
น.ส.วรินทา ชิตกุล Team Leader บริษัท อเด็คโก้ ประเทศไทย จำกัด ผู้ให้บริการสมัครงานออนไลน์ผ่าน www.adecco.co.th เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำอยู่แล้ว การเข้ามาค้นหางานที่ตรงกับความต้องการผ่านระบบฯ จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ขณะนี้ บริษัทฯ มีสมาชิกประมาณ 100,000 คน โดยตำแหน่งงานที่สมาชิกสนใจเป็นอันดับหนึ่ง คือ ด้านไอที ส่วนตำแหน่งงานที่บริษัทและหน่วยงานต่างๆ เปิดรับพนักงานมากที่สุด ได้แก่ สายงานด้านไอทีและบัญชี แม้สภาวะเศรษฐกิจในปีนี้จะแย่กว่าปีที่ผ่านมา แต่ไม่ส่งผลให้ความต้องการดังกล่าวลดจำนวนลงแต่อย่างใด
ตัวแทน Team Leader บ.อเด็คโก้ฯ แนะนำต่อว่า ผู้สนใจหางานผ่านอินเทอร์เน็ตควรพิจารณาตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับตนเองให้มากที่สุด และไม่ควรส่งประวัติส่วนตัว (Resume) ไปทุกบริษัทที่เปิดรับพนักงาน แต่ควรพิจารณาจากคุณสมบัติและประสบการณ์ ว่ามีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นหรือไม่ แล้วจึงตัดสินใจส่งใบสมัคร เพราะการส่งใบสมัครและข้อมูลส่วนตัวไปยังเว็บไซต์ต่างๆ อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด และยังเป็นการไม่เหมาะสมเมื่อฝ่ายบุคคลพิจารณาใบสมัครและพบว่าคุณสมบัติของผูสมัครไม่ตรงกับที่ต้องการ อาจเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้สมัคร หากผู้สมัครส่งใบสมัครมาอีกในครั้งต่อไป
น.ส.วรินทา แนะนำอีกว่า หลักการสังเกตบริษัทหรือองค์กรต่างๆ ว่าหลอกลวงผู้บริโภคหรือไม่ ให้ผู้สมัครทดลองค้นหารายชื่อหน่วยงานนั้น ด้วยวิธีเบื้องต้น คือ การค้นหาผ่านเว็บไซต์กูเกิ้ล www.google.co.th เพื่อตรวจสอบรายละเอียดและข้อมูลเบื้องต้นและพิจารณาความน่าเชื่อถือ ส่วนบริษัทที่อเด็คโก้ร่วมงานนั้น จะมีการไปเยี่ยมชมหน่วยงานนั้นและบอกข้อมูลที่เป็นจริงให้สมาชิกทราบ ถือเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สมาชิกได้ในระดับหนึ่ง ว่าบริษัทต่างๆ ที่มีรายชื่อปรากฎอยู่บนเว็บไซต์ของอเด็คโก้นั้นมีตัวตนอยู่จริง
ด้าน น.ส.พิจิตรพร อัจจิมานันต์ Customer Service Manager บริษัท จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการสมัครงานออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.jobsdb.com ให้รายละเอียดว่า บริษัทฯ มีสมาชิกในประเทศไทย ทั้งสิ้น 750,000 คน โดยตำแหน่งงานที่มีผู้สนใจและค้นหาผ่านเว็บไซต์ฯ มากเป็น 3 อันดับแรก ได้แก่ วิศวกร ฝ่ายบุคคล บัญชี และไอที แต่ตำแหน่งที่มีผู้สมัครมากที่สุด คือ ตำแหน่งการตลาด ส่วนตำแหน่งงานที่บริษัทต่างๆ ต้องการมากที่สุด ได้แก่ ฝ่ายไอที วิศวกร และบัญชี ขณะที่แนวโน้มการสมัครงานผ่านระบบออนไลน์ในปัจจุบัน มีทิศทางเพิ่มขึ้นและขยายตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับในอดีต เมื่อ 10 ปีก่อน จ๊อบส์ ดีบี มีสมาชิกเพียงหลักหมื่น แต่วันนี้ มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สูงถึง 40,300 คนต่อวัน
Customer Service Manager ของจ๊อบส์ ดีบี ให้รายละเอียดต่อว่า สิ่งที่ผู้หางานผ่านอินเทอร์เน็ตสมควรพิจารณาถึงเป็นอันดับแรกคือ ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อเสรี มีการแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ที่เปิดกว้าง ขั้นต่อไป ผู้สมัครควรใช้วิจารณญาณพิจารณา หากมีการชักจูงให้จ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้าเพื่ออบรมก่อนปฏิบัติงาน หรือเสนอเงินเดือนให้สูงเกินจริง ก็ขอให้พิจารณาอย่างละเอียดว่าเป็นการหลอกลวงหรือไม่ และตำแหน่งงานนั้นเป็นงานที่ตนเองต้องการทำจริงหรือไม่ รวมถึง ระบบความปลอดภัยในการให้รายละเอียดส่วนตัว เพื่อป้องกันการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด
น.ส.พิจิตรพร ให้รายละเอียดอีกว่า ผู้สมัครสามารถสังเกตรายชื่อบริษัทต่างๆ ที่ปรากฎบนเว็บฯ ว่ามีบริษัทที่ตนเองรู้จักหรือไม่ อย่างน้อยถือเป็นการพิจารณาเบื้องต้น นอกจากนี้ ระยะเวลาในการดำเนินงานของเว็บไซต์ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันมีเว็บไซต์ให้บริการจัดหางานเป็นจำนวนมาก ด้านการเปิดเผยข้อมูลและรายละเอียดส่วนตัวนั้น จ๊อบส์ ดีบี มีระดับการเปิดเผยให้สมาชิกเลือก อาทิ 1.ไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ 2.เปิดเผยให้บริษัทต่างๆ สามารถเข้ามาดูข้อมูลได้ โดยเว็บฯ จะเปิดให้บริษัทเหล่านั้นเห็นเฉพาะประวัติการทำงาน และ 3.เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด ระบบดังกล่าวถือเป็นระบบสากลที่เว็บไซต์ส่วนมากนิยมใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความมั่นใจให้แก่สมาชิก ว่าข้อมูลของตนจะไม่ถูกนำไปเผยแพร่หากเจ้าของข้อมูลไม่อนุญาต
ส่วน นายพีรพจน์ ยอดยิ่ง ผู้เขียนหนังสือคู่มือหางานบนอินเทอร์เน็ต อธิบายว่า สิ่งแรกที่ผู้สมัครงานผ่านระบบออนไลน์ควรคำนึงถึง คือ 1.เลือกเว็บไซต์ที่สามารถไว้ใจได้ในการสมัครงาน เนื่องจากการเลือกเว็บไซต์ที่ไม่น่าไว้วางใจ อาจถูกลักลอบนำข้อมูลส่วนตัวไปเปิดเผยและใช้ในทางที่ผิดได้ 2.ข้อมูลที่ใช้ต้องเป็นข้อมูลจริง หากมีโอกาสสัมภาษณ์งาน ผู้สมัครอาจถูกผู้สัมภาษณ์ย้อนถามถึงข้อมูลต่างๆ ที่เคยกรอกไว้ในใบสมัคร ถ้าผู้สมัครใส่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงก็อาจส่งผลเสียต่อตนเองในภายหลัง ขณะที่การพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญ โดยผู้สมัครสามารถพิจารณาได้จากรายละเอียดที่ปรากฎอยู่บนเว็บไซต์
เจ้าของหนังสือคู่มือหางานบนอินเทอร์เน็ต อธิบายต่อว่า งานประเภทขายตรงที่ปรากฎเป็นจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ต ขึ้นอยู่กับความชอบและความสมัครใจของแต่ละบุคคล โดยส่วนตัวมองว่า การหางานที่ยากขึ้นส่งผลให้คนจำนวนมาก หันมาสนใจและเลือกทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต เนื่องจากลงทุนต่ำและไม่ต้องเสียเวลาดูแลหน้าร้าน ขณะเดียวกัน ผู้ที่ทำงานประจำก็สามารถทำธุรกิจในรูปแบบดังกล่าวได้ ขณะนี้ โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคออนไลน์ ความสะดวกสบายและประโยชน์ในการใช้งาน ส่งผลให้คนเกิดความเกียจคร้าน จนในบางครั้งอาจลืมไปว่า การสมัครงานที่แท้จริง คือ การออกเดินไปยื่นใบสมัครต่อบริษัทต่างๆ อยากให้มองว่า การสมัครงานออนไลน์เป็นเพียงอีกหนึ่งทางเลือกของการสมัครงาน เพื่อขยายโอกาสในการมีงานทำ ถึงอย่างไร ก็ไม่ควรทิ้งช่องทางอื่นๆ ในการสมัครงานไป
เว็บไซต์ช่วยหางานเปรียบแสมือนศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูล ทั้งของผู้สมัครและองค์กรต่างๆ เคล็ดลับในการสมัครงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือ การพิจารณาความถนัดและความชอบของตนเอง ผู้สมัครต้องมีความมั่นใจ เพื่อกระตุ้นและสร้างการแสดงออกที่ชัดเจน ก่อนอื่นควรค้นหาตนเองให้เจอ ต้องรู้ว่าตนเองต้องการอะไร ชอบอะไร ไม่ใช่ทำตามกระแสหรือยุคสมัย หากตัดสินใจจะสมัครงานในองค์กรใด ควรเตรียมตัวศึกษา และเรียนรู้วัฒนธรรมของหน่วยงานด้วย ถ้าพบว่าตนเองยังมีศักยภาพไม่เพียงพอต่อตำแหน่งงานนั้น ก็ไม่ควรรีบร้อน แต่ควรจะพัฒนาตนเองและทักษะต่างๆ ต่อไป จนกว่าจะเหมาะสมกับคุณสมับิตนั้น นายพีรพจน์ กล่าว
ด้วยประโยชน์และความสะดวกสบายของอินเทอร์เน็ต ที่สามารถตอบสนองและรองรับความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบความไฮเทคได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่มีประโยชน์ก็ย่อมมีโทษแฝงอยู่เช่นเดียวกัน จากคำแนะนำและความหวังดีของผู้เชี่ยวชาญที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงดังกล่าว อาจกระตุ้นให้ผู้ที่สนใจสมัครงานและทำธุรกิจออนไลน์ทั้งหลายได้หยุดคิด และใช้สติพิจารณาถึงภัยร้ายในรูปแบบต่างๆ ที่แฝงอยู่ได้บ้างไม่มากก็น้อย เสียงสะท้อนเหล่านี้ อาจเป็นเพียงความห่วงใยจากคนกลุ่มเล็กๆ ที่ต้องการเป็นกระจก เพื่อสะท้อนซอกหลืบในมุมที่หลายคนไม่เคยนึกมาก่อน…
แหล่งที่มา : http://women.kapook.com/work00199/
ป้ายกำกับ:
variety
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
10 สูตรผิวสวย จากผัก 5 ชนิด
บัวบก
อุดมด้วยวิตามินบีรวม ซี เบต้าแคโรทีน และมีสารเอเชียติโคไซด์ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และช่วยสมานแผล
สูตร 1 : ครีมสมานผิว นำใบบัวบก 1 ถ้วย โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย และน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา มาปั่นรวมกันจนเป็นเนื้อครีม ทาทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20-25 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำเย็น
สูตร 2 : ครีมแก้แพ้ นำใบบัวบก 1/2 ถ้วย วุ้นว่านหางจระเข้ 3 ช้อนโต๊ะ และแตงกวา 1/2 ถ้วย มาปั่นรวมกันจนละเอียด ทาบริเวณที่แพ้ มีผดผื่นคัน หรือบวมแดงจากการแพ้แดด ทาทิ้งไว้ 20-25 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น
ผักกาดหอม
เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยปรับสภาพผิวให้แข็งแรง เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย
สูตร 1 : ลดความหยาบกร้าน นำผักกาดหอมหั่น 1 ถ้วย โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย และวิตามินอี 1 แคปซูล (400 มก.) ปั่นรวมกันให้ได้เนื้อครีมข้น ทาทั่วใบหน้าแล้วใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ ประมาณ 2 นาที ทิ้งไว้ 25 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น
สูตร 2 : ผิวขาวเนียนใส ปั่นผักกาดหอม 1 ถ้วยกับนมสด 1/3 ถ้วย วุ้นว่านหางจระเข้ 3 ช้อนโต๊ะ ไข่แดง 1
ฟอง และน้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา จนละเอียดเป็นครีม ทาใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น
ผักชีฝรั่ง
ในต่างประเทศนิยมนำสารสกัดจากใบและรากผักชีฝรั่งมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงฟื้นฟูผิว เนื่องจากมีแคลเซียม วิตามินบี1 บี2 และวิตามินซีสูง
สูตร 1 : ลดจุดด่างดำ ปั่นรากและใบผักชีฝรั่ง 1 ถ้วย โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย และไข่แดง 1 ฟองให้ละเอียดเป็นเนื้อครีมข้น ทาทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น
สูตร 2 : โลชั่นฟื้นฟูสภาพผิว นำรากและใบผักชีฝรั่ง 2 ถ้วยปั่นกับน้ำต้มสุก 1 ถ้วย กรองเอาแต่น้ำ แล้วปั่นอีกครั้งกับวุ้นว่านหางจระเข้ 1/2 ถ้วย ทาใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น
ฟักทอง
อุดมด้วยวิตามินบีรวม ซี สารต้านอนุมูลอิสระ และเบต้าแคโรทีน ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นทดแทนเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ปกป้องโครงสร้างผิวจากแสงแดด มลภาวะ ลบริ้วรอย และช่วยชะลอวัย
สูตร 1 : ครีมขัดหน้าขาวใส ใช้เนื้อฟักทองปอกเปลือก 1/2 ถ้วย ถั่วเขียว (แช่น้ำทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง) 3 ช้อนโต๊ะ นมสด 1/2 ถ้วย และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ปั่นรวมกันจนละเอียดเป็นเนื้อครีม ทาให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ เน้นบริเวณหน้าผาก จมูก คาง ประมาณ 5 นาที ทิ้งไว้อีก 15 นาที ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นบิดหมาดๆ เช็ดออกแล้วล้างด้วยน้ำเย็น
สูตร 2 : ครีมบำรุงผิว นำเนื้อฟักทองนึ่งสุก 1 ถ้วย โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันดอกคำฝอย 2 ช้อนชา มาปั่นรวมกันให้ละเอียด ทาทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 25 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำเย็น
ข้าวโพด
นิยมนำมาเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยชะลอวัย เนื่องจากมีวิตามินซี บี1 และสารต้านอนุมูลอิสระแซนโทฟิลล์ (Xanthophyll)
สูตร 1 : โลชั่นลดจุดด่างดำ ปั่นเมล็ดข้าวโพด 1 ถ้วยกับน้ำต้ม 1/3 ถ้วยจนละเอียด กรองเอาแต่น้ำ ผสมน้ำมะนาว 2 ช้อนชาและน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที ทาทับอีกครั้งแล้วทิ้งไว้อีก 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น
สูตร 2 : สูตรครีมหน้าขาว-กระชับรูขุมขน ปั่นเมล็ดข้าวโพด 1 ถ้วยกับน้ำต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะจนเป็นครีม เติมน้ำมะนาว 3 ช้อนชาและไข่ขาว 1 ฟองปั่นต่อจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาทาทั่วใบหน้า ใช้ปลายนิ้วคลึงเบาๆ เน้นบริเวณหน้าผาก จมูก คาง ประมาณ 10 นาที พอกทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น
แหล่งที่มา : http://hilight.kapook.com/view/36731
ป้ายกำกับ:
helthy and care
วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
อัพเดท 10 เทรนด์อาชีพยอดฮิต มาแรง!!
1. นักสื่อสารและงานผูกมิตรหรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นงานด้านสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ อาชีพนี้ยังคงติดอันดับหนึ่งในสิบของวิชาชีพที่คนรุ่นใหม่ใฝ่ฝันอยากเป็น ไม่ว่าจะเป็นนักข่าว นักเขียน หรือนักประชาสัมพันธ์ ล้วนเป็นอาชีพที่ต้องทำงานด้านข่าวสาร ความเคลื่อนไหวเพื่อกระจายไปสู่คนหมู่มาก
งานเหล่านี้จึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน เรียกว่าไม่ซ้ำซากจำเจกับงานรูปแบบเดิมๆ เหมือนทุกวัน เราจึงไม่แปลกใจที่งานด้านสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ต่างเป็นที่หมาย ปองของคนทั่วไป ชนิดที่ว่าเปิดรับสมัครเมื่อไหร่เป็นเต็มทันใจทุกทีค่ะ
2. หัวใจบริการคืองานของเราแม้ว่าทุกวันนี้งานบริการบนฟ้าอย่างการเป็นแอร์โฮสเตสและสจ๊วตยังคงมีหนุ่ม สาวรุ่นใหม่ส่งใบสมัครกันไม่ขาดสาย แต่งานบริการก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ งานรูปแบบเดิมๆ โดยเฉพาะงานบริการด้านอาหาร อย่างการจัด Catering งานจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มลูกค้าเอเยนซี่โฆษณา ออร์แกไนเซอร์ ไปจนถึงงานเลี้ยงส่วนตัว เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
งานบริการรูปแบบนี้ถือเป็นอีกหนึ่งงานที่สนุก และท้าทาย ยิ่งเรื่องของอาหารด้วยแล้ว หากคุณมีความรู้ และรู้จักที่จะดัดแปลงให้แปลกตา น่ามอง และน่าชิม รับรองว่า งานบริการอย่าง Catering จะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับคุณเลยทีเดียวค่ะ
3. นักกิจกรรม สร้างสรรค์งานเก๋นักจัดอีเวนท์ เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากของคนยุคนี้ ทั้งในรูปแบบของบริษัทออร์แกไนเซอร์ รับจ้างจัดงานเปิดตัวสินค้า สถานที่ต่างๆ หรือจะเป็นในลักษณะของฟรีแลนซ์ รับวางแผนงานสร้างสรรค์ไอเดีย เก๋ๆ ไปจนถึงขั้นตอนการเตรียมงาน และความพร้อมต่างๆ จนกระทั่งนับถอยหลัง 5 4 3 2 1 กันเลย และรูปแบบการจัดงานก็มีหลากหลาย ตั้งแต่งานการตลาดไปจนถึงงานวิวาห์ และปาร์ตี้วันเกิด รูปแบบของงานประเภทนี้จึงเน้นไปในเรื่องของความคิดที่แปลกใหม่ และการทำงานที่ต้องแข่งขันกับเวลาและความทันสมัย ใครรู้ตัวว่ามีไอเดียกระฉูด และสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้จริงๆ ลองพิจารณาสาขาอาชีพนี้ดูหน่อยดีมั้ยคะ
4. เนรมิตงานสวย ผ่านการดีไซน์ใครรู้ตัวว่าเป็นคนช่างดีไซน์ รู้จักดัดแปลง สร้างสรรค์สิ่งของธรรมดาให้เป็นงานสวย ฝีมือดีได้ การมีอาชีพเป็นนักออกแบบถือเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน โดยเฉพาะงานออกแบบอัญมณี เครื่องประดับทั้งหลายที่เป็นของสวยงาม จัดได้ว่าเป็นความฝันอย่างหนึ่งของสาวๆ เลยก็ว่าได้
สำหรับอาชีพนักออกแบบ นอกจากต้องมีคุณสมบัติสร้างสรรค์งานได้เป็นอย่างดีแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือต้องมีความอดทน และมีสไตล์ของตัวเองที่ชัดเจน สิ่งนี้จะทำให้งานออกแบบของคุณมีความแตกต่างจากท้องตลาดในปัจจุบันค่ะ
5. งานไอที เพื่อชีวิตทันสมัยหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่สนใจไอที คงต้องบอกว่าเอาต์สุดๆ ในพ.ศ.นี้กันเลย แต่ถ้าคุณสนใจถึงขนาดที่ว่านำความรู้เหล่านั้นมาประกอบเป็นอาชีพได้ละก็ คุณก็โชคดีไม่น้อยทีเดียว เพราะยุคนี้ทุกสิ่งรอบตัวต่างดำเนินไปด้วยระบบดิจิตอลไปเสียหมด ดังนั้น อาชีพอย่างการเป็นโปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบ นักจัดการวางแผนงานด้านคอมพิวเตอร์ เหล่านี้จึงเป็นหนทางที่จะสร้างรายได้ที่ดีให้กับคุณ แถมยังดูอินเทรนด์เป็นหนุ่มสาวสมัยใหม่ที่น่าจับตามองอีกด้วย เพราะฉะนั้นใครรู้ตัวว่ามีหัวด้านไอทีก็อย่ารีรอ เร่งหาความรู้เพิ่มเติมแล้วร่อนใบสมัครอัพเกรดชีวิตด่วน
6. ช่างพูดช่างคุย ลุยงานการตลาดอาชีพนักขายและนักการตลาด ยังคงเป็นอาชีพฮอตฮิตในใจคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่อยู่เสมอ เพราะนอกจากรายได้ที่ดีเสียจนใครๆ ต้องอิจฉา เรื่องของลักษณะงานยังน่าสนใจไม่น้อย เรียกว่าสนุก เร้าใจ ยิ่งใครชอบการทำงานภายใต้ความกดดันจากคู่แข่ง งานนี้เหมาะกับคุณเลยค่ะ
บุคลิกภาพที่โดดเด่นของคนทำงานด้านนี้ต้องเป็นคนที่หน้าตาดี เรียกว่าเห็นแล้วต้องน่าคุยด้วย มีความฉลาด ไหวพริบเป็นเลิศ ช่างเจรจา และยังต้องทำงานอย่างหนัก ขยันในการติดต่อประสานงาน เหล่านี้คือการทำงานอย่างหนัก แต่ก็แลกมาด้วยรายได้ที่งดงามเสมอ เอาเป็นว่า คุณสมบัติที่ว่ามา หากตรงกับคุณมากกว่า 2 อย่างก็ลองเบนเข็มชีวิตมาลิ้มลองงานขายดูสักหน่อยก็ไม่เลวนะคะ
7. งานโฆษณา ลูกบ้าเต็มเหนี่ยวการเป็นนักโฆษณาที่ดีและจะสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ต้องอาศัยความกล้า บ้าบิ่น โดยเฉพาะความบ้าทางด้านความคิด อย่างที่ใครๆ มักบอกให้คิดต่าง หรือคิดในมุมกลับกัน คนในแวดวงโฆษณามักมียีนชนิดนี้แฝงอยู่เสมอ เด็กจบใหม่จำนวนมากใฝ่ฝันอยากทำงานด้านนี้ ด้วยความเชื่อที่ว่าความคิดต่างๆ ที่พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับก่อนหน้านี้ สังคมอาจเปิดโอกาสให้พวกเขาบ้าง
และเชื่อมั้ยคะว่า … นักโฆษณาหลายคนต่างต่อยอดให้ตัวเองจนกลายเป็นผู้กำกับดังมาแล้วหลายคน เพราะฉะนั้นถ้าเชื่อในลูกบ้าของตัวเองว่ามีเพียงพอแล้วละก็ ลองหันมามองอาชีพที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างนักโฆษณา แล้วคุณจะรู้ว่า อิสระทางความคิดสนุกแค่ไหน
8. เป็นนายตัวเอง เวิร์กสุดๆใครจะเถียงบ้างว่า ไม่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เราเชื่อว่า ความฝันลึกๆ ในใจทุกคนคือการได้ทำงานให้ตัวเอง เพื่อตัวเองจริงๆ ปัจจุบันเราจึงเห็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่เริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่อายุ ยังน้อยๆ หลายคนโอกาสดีเพราะฐานะทางการเงินเอื้ออำนวย แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่อาศัยความกล้าได้กล้าเสีย ยอมลงทุนเงินก้อนที่เก็บหอมรอมริบมานาน เพื่อให้ธุรกิจที่รักเริ่มต้นขึ้นได้
คุณสมบัติใหญ่ของคนที่อยากทำอาชีพนี้ให้สำเร็จคือต้องมีความรู้ในสิ่งที่ตัว เองทำให้มากที่สุด และที่ขาดไม่ได้เลยคือความขยัน อดทนมากกว่าการเป็นลูกน้องคนอื่น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การทำอาชีพเป็นเจ้านายตัวเองก็ได้รับความนิยมและมีคนจำนวนไม่น้อยยอมเสี่ยง เอาเงินเก็บทั้งชีวิตที่มี เพื่ออาชีพที่เรียกกันว่า ‘เจ้าของธุรกิจส่วนตัว’
9. เก่งเฉพาะด้าน งานรายได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นชื่อเรียกสำหรับอาชีพที่คนทั่วไปจะมาร่อนใบสมัครกันง่ายๆ ไม่ได้นะคะ อย่างแรกและสำคัญที่สุดคือคุณต้องเรียนวิชาชีพเหล่านี้มาโดยตรงและมีความรู้ เป็นอย่างดีเสียก่อน จึงจะสามารถ ทำงานได้ เพราะงานประเภทนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก เช่น แพทย์ พยาบาล ทนายความ วิศวกร นักบิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ คุณต้องรับผิดชอบชีวิตและความปลอดภัยของคน เพราะฉะนั้นอาชีพนี้แม้จะรายได้ดี (ตลอดกาล) แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าคนอาชีพอื่นเช่นกัน
คนส่วนใหญ่ที่ทำงานด้านนี้มักจะมีความชัดเจนมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เพราะการเรียนในระดับปริญญาจะต้องมีการปูพื้นความรู้อย่างเต็มที่เสียก่อน และถ้าคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วอยากจะทำอาชีพเหล่านี้ดูบ้าง คงต้องบอกว่าสายไปเสียแล้วค่ะ แต่เอาเป็นว่า อาชีพเชี่ยวชาญเฉพาะทางแบบนี้ มักจะไม่เคยตกอันดับ 10 อาชีพสุดฮอตตลอดกาลของคนบนโลกใบนี้แน่นอนค่ะ
10. ฟรีแลนซ์ รูปแบบชีวิตอิสระขาดไม่ได้แน่นอนกับอาชีพที่อินเทรนด์สุดๆ ของคนยุคปัจจุบัน กับการทำงานแบบอิสระ ไม่ขึ้นกับใคร งานที่ต้องรับจ้างเป็นชิ้นๆ หรือที่เรียกกันถนัดปากว่า ฟรีแลนซ์ แรกๆ เราจะรู้จักอาชีพนี้จากคนทำงานในแวดวงแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นช่างทำผม, เมกอัพอาร์ติสท์, ช่างภาพ และไม่นานกลุ่ม นักเขียนที่รับจ้างเขียนงานให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ ก็มีจำนวนมาขึ้น
จนกระทั่งฟรีแลนซ์ได้ แพร่กระจายไปสู่ทุกกลุ่มงาน ไม่ว่าจะเป็น สถาปนิก, นักออกแบบ, ประชาสัมพันธ์, นักโฆษณา, ขายสินค้าบนเว็บไซต์ แม้กระทั่งนักพยากรณ์ ฟรีแลนซ์จึงเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากคนในสังคมไทยตอน นี้แม้รายได้ของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง แต่อิสระจากการทำงาน และชีวิตที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้แรงกดดัน ถือเป็นความสุขที่มากเกินพอสำหรับคนอาชีพนี้ค่ะ
แหล่งที่มา : http://women.kapook.com/work00127/
ป้ายกำกับ:
variety
เลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ ควรพิจารณาอะไรบ้าง ?!?
แจกแจงปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อ "เครื่องปรับอากาศ" ควรซื้อกี่บีทียู แบบตั้ง/แขวนหรือแบบติดผนึง หรือควรเลือกระบบกรองอากาศแบบไหน หรือที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องมีก็ได้
ในฤดูร้อนอย่างนี้ ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนัก ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นตามไปด้วย การดูแลเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานจึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การล้างเครื่องให้ทำงานดีขึ้น ส่วนใครที่ต้องการซื้อเครื่องปรับอากาศในช่วงนี้ ก็ต้องทำการบ้านเสียหน่อย เพราะจากการสำรวจพบว่า พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อมักเน้นเลือกเครื่องปรับอากาศ ที่มีเทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพเป็นอันดับแรก รองลงมาคือดูที่การประหยัดไฟ ราคา บริการหลังการขายและรูปลักษณ์ของสินค้า
อย่างไรก็ตาม ฉลาดซื้อเห็นว่า เราควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่คุ้มค่าระหว่างเงินที่ต้องเสียไปกับเทคโนโลยีที่ได้กลับมา นอกจากนี้ ยังควรคำนึงถึงการประหยัดไฟฟ้าในระยะยาวด้วย
เลือกแอร์อย่างไรให้ "เย็นใจ"
1.เลือกให้เหมาะกับขนาดห้อง
ขนาดการทำงานของแอร์ เรียกว่า "บีทียู" การเลือกขนาดบีทียูให้เหมาะกับขนาดห้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะถ้าสูงไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานตัดบ่อยเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดน้อยลงและความชื้นในห้องสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังราคาแพงและเปลืองไฟ แต่หากเลือกบีทียูต่ำไป คอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานตลอดเวลา เนื่องจากความเย็นในห้องยังไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานและเครื่องเสียเร็วอีกเช่นกัน
2.เลือกฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
การเลือกฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คือ การเลือกเครื่องปรับอากาศที่ไม่กินไฟมาก แต่ให้ความเย็นได้เท่ากัน ทั้งนี้ หากเครื่องปรับอากาศที่คุณชอบมีบีทียูเท่ากัน และเป็นเบอร์ 5 เหมือนกัน ขอแนะนำให้เลือกเครื่องที่มีค่า "อีอีอาร์" มากกว่า เพราะกินไฟน้อยกว่า ค่าอีอีอาร์ หรือ Energy Efficiency Ratio เป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพด้านพลังงาน ซึ่งสามารถดูได้จากเอกสารแนะนำสินค้านั้นๆ
3.ดูอายุการใช้งาน การติดตั้งและบริการหลังการขาย
การเลือกบริษัทที่น่าเชือถือ มีการทำตลาดมานาน มีบริการติดตั้งโดยผู้ชำนาญการ และบริการหลังกการขายที่ดี ตลอดจนการรับประกันต่างๆ ถือเป็นจุดสำคัญที่ต้องพิจารณาเช่นกัน
4.ดูคุณสมบัติพิเศษและดีไซน์ว่า คุ้มค่ากับราคาหรือไม่
เครื่องปรับอากาศในปัจจุบันยังแข่งขันกันด้านเทคโนโลยีความเย็น ความเงียบ จนถึงเรื่องของสุขภาพ ที่มีการใส่เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งก็มีอยู่หลายแบบ ทั้งซิลเวอร์นาโน นาโนไทเทเนียม แผ่นกรองเฮปป้าฟิลเตอร์ พลาสม่าคลัสเตอร์ เป็นต้น ซึ่งเรามีข้อมูลมาฝาก.....
ระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศมีหลายระบบ ดังนี้
1) การกรอง (Filtration) เป็นการใช้แผ่นกรองอากาศดักจับฝุ่นละออง หรืออนุภาคขนาดใหญ่ โดยสิ่งสกปรกจะติดค้างอยู่ที่ไส้กรอง ต้องทำการเปลี่ยนเมื่อหมดอายุการใช้งาน ตัวอย่างของระบบนี้ ได้แก่ HEPA ซึ่งเป็นการกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพกำจัดอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.05 ไมครอน ในกรณีที่ต้องการกำจัดกลิ่นในอากาศ จะนิยมใช้ "แผ่นคาร์บอน" เพื่อดูดซับกลิ่น
2) การดักจับด้วยไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Precipitator) เป็นการใช้ตะแกรงไฟฟ้าดักจับฝุ่น โดยการเพิ่มประจุไฟฟ้าให้แก่อนุภาคฝุ่นและใช้แผ่นโลหะอีกชุดหนึ่งซึ่งเรียง ขนานกันดูดอนุภาคฝุ่นเอาไว้ โดยหลังจากการใช้งานไประยะหนึ่ง จะต้องมีการทำความสะอาดแผ่นโลหะ
3) การปล่อยประจุไฟฟ้า (Ionizer) เป็นการใช้เครื่องผลิตประจุไฟฟ้าและปล่อยประจุไฟฟ้าออกมาพร้อมกับลมเย็น เพื่อดูดจับอนุภาคฝุ่นละอองและกลิ่น โดยประจุไฟฟ้าลบที่ถูกปล่อยออกมาจะดูดฝุ่นและกลิ่น ที่มีโครงสร้างเป็นประจุบวก จนกระทั้งรวมตัวกันใหญ่ขึ้นและตกลงสู่พื้นห้อง ข้อดีของระบบนี้คือไม่จำเป็นต้องถอดออกมาทำความสะอาด
ทั้งนี้ เครื่องปรับอากาศที่ระบุว่า "มีระบบฟอกอากาศ" นั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงการป้องกันเชื้อโรค ไม่ให้เข้าไปแพร่เชื้อภายในเครื่องขณะที่ไม่ทำงานเท่านั้น
5.เลือกประเภทให้เหมาะสม
เครื่องปรับอากาศมีอยู่ 2 แบบที่เป็นที่นิยม คือ
1) แบบติดผนัง เป็นเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กกระทัดรัด เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่น้อย เช่น ห้องนอนหรือห้องรับแขกขนาดเล็ก มีข้อดีคือ รูปแบบทันสมัย ที่ให้เลือกหลากหลาย ทำงานเงียบและติดตั้งง่าย ส่วนข้อเสียคือ ไม่เหมาะกับงานหนัก
2) แบบตั้ง/แขวน เป็นเครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับห้องทุกขนาด ตั้งแต่เล็กถึงใหญ่ ข้อดีคือ สามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งแบบตั้งพื้นหรือแขวนเพดาน ใช้งานได้หลากหลาย และมีการระบายลมที่ดี ส่วนข้อเสียคือ ไม่มีรูปแบบให้เลือกมากนัก
แหล่งที่มา : http://hilight.kapook.com/view/36705
ป้ายกำกับ:
variety
อย่ากลัวคลอรีน ในน้ำก๊อก
ทุกวันนี้การสื่อสารทันสมัยกันมากขึ้น บางคนได้รับอีเมล์ส่งต่อๆ กันมาเกี่ยวกับข่าวสารสุขภาพ ที่ดูน่ากลัว อย่างเรื่องคลอรีนในน้ำประปา หรือน้ำก๊อกที่มีคนหัวใสนำไปทำการตลาดกับเครื่องกรองน้ำราคาแพงก็เป็นหนึ่ง
ในข่าวสารลักษณะนี้ มักมีการกล่าวอ้างว่ามีข้อมูลวิจัยจากต่างประเทศ พบว่าคลอรีนในน้ำประปาก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งที่เรียกว่า "ไตรฮาโลมีเธนส์" จนอาจทำให้ ผู้บริโภคน้ำประปาตื่นตระหนกตกใจกันขึ้นว่าไม่ควรดื่มน้ำก๊อก เรื่องนี้นางยิ่งลักษณ์ ธัญญะโชโต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรการประปานครหลวง (กปน.) ชี้แจงว่า น้ำประปาเป็นน้ำที่ผลิตมาจากน้ำดิบตามธรรมชาติย่อมมีสารอินทรีย์ที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตปะปนอยู่ เมื่อทำปฏิกิริยาเคมีกับคลอรีน ทำให้เกิดสารประกอบเคมีที่เรียกว่า Trihalomethanes (THMs) หรือ "ไตรฮาโลมีเธนส์" ที่ผ่านมา กปน.ติดตามการศึกษาและวิจัยของพิษภัยสารตัวนี้มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งองค์การอนามัยโลกได้กำหนดคลอรีนอิสระคงเหลือในน้ำประปาไว้ไม่ต่ำกว่า 0.2 มิลลิกรัมต่อลิตร และสูงสุดไม่เกิน 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร
ทั้งยังได้เคยว่าจ้างให้คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรวจหา "ไตรฮาโลมีเธนส์" ในน้ำประปาของ กปน. และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของผู้บริโภค ซึ่งได้ผลออกมาว่าปริมาณสาร "ไตรฮาโล-มีเธนส์" ในน้ำประปาต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดขององค์การอนามัยโลกมาก จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งน้อยมาก
แต่ถ้าหากยังไม่มั่นใจและต้องการกำจัด "ไตรฮาโล-มีเธนส์" ก็ทำได้ง่ายมาก เนื่องจากจัดอยู่ในกลุ่มสารอินทรีย์ระเหยง่าย ทำได้เพียงแค่รองน้ำประปาตั้งทิ้งไว้ในภาชนะเปิด ประมาณ 15 นาทีถึงครึ่งชั่วโมง ปริมาณ "ไตรฮาโลมี-เธนส์" ซึ่งมีอยู่ในระดับต่ำและไม่ส่งผลต่อสุขภาพ รวมทั้งคลอรีนซึ่งอาจส่งผลต่อกลิ่นและรสของน้ำก็จะระเหยหมดไปเอง ไม่จำเป็นต้องไปซื้อเครื่องกรองน้ำราคาแพงที่บอกว่า สามารถกำจัด"ไตรฮาโลมีเธนส์" ได้
หากต้องการความมั่นใจยิ่งขึ้นไปอีก สามารถนำน้ำประปาไปต้มก่อนโดยเปิดฝาภาชนะไว้ขณะต้มก็ช่วยได้เช่นกัน เพราะน้ำประปาต้มเดือดถือเป็นน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยที่สุด
แหล่งที่มา : http://hilight.kapook.com/view/36701
ป้ายกำกับ:
variety
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)