1.กะหล่ำปลี
กะหล่ำปลีมีธาตุเหล็กสูง เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคโลหิตจาง กะหล่ำปลีเป็นผักต้านมะเร็ง และมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคหัวใจและผู้ที่มีความเครียดมาก ๆ หรือนำกะหล่ำปลีไปต้มกับน้ำ นำน้ำมาดื่มช่วยรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารได้ ส่วนการนำกะหล่ำปลีมารับประทาน แนะนำว่าควรจะทำให้สุกเสียก่อน เพราะในกะหล่ำปลีดิบมีเอนไซม์ไธอามีเนสซึ่งจะไปทำลายไวตามินบี
2.ขิง
ขิงเป็นส่วนผสมของอาหารที่ให้ความหอม เผ็ดร้อนแต่ไม่จัดจ้านจนเกินไป สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งสามารถนำมาช่วยบรรเทาอาการป่วยต่าง ๆ ได้ เช่น แก้คลื่นไส้ ช่วยย่อยอาหาร หรือถ้าเป็นน้ำขิงร้อน ๆ ผสมน้ำนาวหรือน้ำผึ้งเพิ่มความหอมหวาน จะช่วยบรรเทาอาการหวัด จะได้ไม่คัดจมูก
3.งา
งา 100 กรัม มีโปรตีนถึง 26 กรัม เหล็ก 7 มิลลิกรัม และสังกะสี 10.3 มิลลิกรัม เกลือแร่ และกรดไขมันไม่อิ่มตัว อีกทั้งยังมีกรดอะมิโนที่ให้ประโยชน์ต่อตับและไต และยังมีสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ถ้ารับประทานควบคู่ไปกับผักหรือผลไม้ที่มีไวตามินซีสูง จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.น้ำอ้อย
ในเมืองไทยเราหาซื้อน้ำอ้อยรับประทานได้ไม่ยาก น้ำอ้อยมีสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายหลายชนิด น้ำอ้อยมีแคลเซียมสูงกว่านม และมีธาตุเหล็กสูงกว่าไข่ และมีโพแทสเซียมสูง น้ำอ้อยให้พลังงานสูง แต่ความหวานของน้ำอ้อย ให้ผลเสียต่อเหงือกและฟัน
5.ผักชีฝรั่ง
ผักชีฝรั่งที่คนไทยชอบใส่ในลาบนั่นล่ะ มีประโยชน์ไม่น้อยหน้าผักชนิดอื่น ๆ เหมือนกัน เพราะในผักชีฝรั่งอุดมไปด้วยแคลเซียม ไวตามินเอ ซี และโพแทสเซียม ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ในกองทัพจะนำผักชีฝรั่งมาต้มกับน้ำ แล้วให้ทหารที่เป็นโรคไตดื่ม ก็จะช่วยบรรเทาได้ และยังช่วยขับกรดยูริกในร่างกายอีกด้วย ซึ่งเหมาะกับผู้ป่วยโรคโรคเกาต์และโรคไขข้ออักเสบ
6.พริกหวาน
พริกหวานมีเบตาแคโรทีนสูง มีไวตามินซี เหล็ก และโพแทสเซียม ซึ่งพริกหวานสีเหลืองจะมีไวตามินมากกว่าพริกหวานสีส้มถึง 4 เท่า ในพริกสีเขียว 100 กรัมก็จะมีไวตามินซี 100 กรัมเช่นกัน
7.หอมหัวใหญ่
เป็นพืชวงศ์เดียวกับกระเทียม ช่วยลดโคเลสเตอรอลและลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยรักษาโรคโลหิตจาง โรคหืด ไขข้ออักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ และช่วยลดความแก่ชราได้อีกด้วย ซึ่งข้อหลังนี้ อาจจะทำให้หลายคนหันไปรับประทานหอมหัวใหญ่มากขึ้นเชียวล่ะ
8.เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดทานตะวันอุดมไปด้วยโปรตีน ไวตามินบีรวม เกลือแร่ และไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง ซึ่งข้อหลังนี้จึงได้มีการสกัดออกมาเป็นน้ำมันเมล็ดทานตะวัน นำออกมาขายมากมาย เมล็ดทานตะวันมีประโยชน์ต่อร่างกายไม่แพ้เมล็ดฟักทอง สามารถช่วยขจัดความอ่อนเพลีย ความเหนื่อยล้า ปัญหาความเครียดลงได้
แหล่งที่มา : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=899792
วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น