วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สาระธรรมควรคิด โดย ว.วชิรเมธี



มนุษย์เกิดมาในโลกอย่างมีความหมาย ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่าหรือเกิดมาเพื่อจะถูกลืม ยกเว้นคนที่พยายามจะทำให้คนอื่นลืมตนเอง ไม้ทุกต้น หญ้าทุกชนิด ก็เช่นเดียวกับน็อตทุกตัว ที่ถูกผลิตมาเพื่อเหมาะสมกับภารกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่งเสมอ

คนที่เข้าใจโลก ถึงขั้นจะมองเห็นอะไรๆ ที่คนอื่นเขาเครียดกันเป็นเรื่องขำขันได้ จะมีอายุยืน อยู่ในโลก แต่ไม่หลงโลก อยู่ในโลกเพื่อเหยียบโลกเล่น ไม่ใช่แบกโลกไว้บนบ่า คนอย่างนี้หายาก แต่มีอยู่ที่ไหน คนอยู่ใกล้ก็มีความสุข

มีความจริงทั้งสองด้านรวมอยู่ในตัวมันเองเสมอ ต่างแต่ว่าเราจะเลือกหยิบด้านใดขึ้นมาประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้น

คนที่คิดทางบวกเป็นคนที่โชคดีและได้กำไรเสมอ ส่วนคนที่คิดในทางลบ แม้เรื่องดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ก็ยังไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์กับตน วิธีคิดบ่งบอกอนาคต กำหนดชะตากรรม เราคิดอย่างไรก็จะกลายเป็นคนอย่างนั้น คิดบวก ชีวิตก็เป็นบวก คิดลบ ชีวิตก็ติดลบ

ที่ใดมีปัญหา ที่นั่นย่อมมีทางออก ปัญหาและทางออกจึงเป็นเสมือนสองด้าน ของเหรียญกษาปณ์อันเดียวกัน เพียงมีสติรู้จักพลิกปัญหา ก็จะพบว่ามีภูมิปัญญาอันเลิศล้ำ รอให้ค้นพบอยู่อย่างท้าทาย

หากแอปเปิ้ลที่อยู่ในมือมันช้ำเพียงบางส่วน แทนที่เธอจะโยนทิ้งไปทั้งหมด เธอก็ควรจะเลือกเฉือนเอาด้านที่ช้ำนั้นออกเสีย แล้วเลือกรับประทานส่วนที่ดี เพียงแค่นี้เธอก็ได้ลิ้มโอชารสอันหอมหวาน มัน กรอบ อร่อย ของแอปเปิ้ลลูกที่อยู่ในมือของเธอแล้ว

ความสุขหรือความทุกข์ บางครั้งอยู่ที่ "ท่าที" ในการเผชิญของเราเป็นสำคัญ ถ้า "รู้เท่าทัน" สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีสติ ทุกข์อาจกลายเป็นสุข ปัญหาอาจกลายเป็นปัญญา วิกฤติอาจถูกแปรเป็นโอกาส

ชื่อเสียงที่แท้จริงซึ่งเกิดขึ้นจากความดีงามอันบริสุทธิ์ แม้ใครจะพยายามลบล้างให้มัวหมอง แต่เมื่อมรสุมแห่งความเท็จผ่านพ้นไป ก็จะกลับแวววาวพราวพรายขึ้นมาได้อีกเสมอ

หากป่วยกายอยู่แล้ว อย่าให้ใจต้องมาป่วยซ้ำลงไปอีก ถ้าป่วยกาย แต่ใจไม่ป่วย โอกาสหายป่วยย่อมมีมาก
แต่ถ้าป่วยกายด้วย ป่วยใจด้วย บางทีโรคกายไม่ร้ายแรง แต่ก็อาจทุกข์ทรมานเพราะโรคใจคอยแทรกซ้อน

ขออย่าได้ท้อถอยในการที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ คนเรายามที่เป็นปุถุชนก็มีโอกาสผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น แต่คนโง่จะปล่อยให้ผิดพลาดแล้วผิดพลาดเลย ส่วนคนที่มีปัญญาเมื่อรู้ว่าผิดพลาดไปแล้ว จะรีบถอนตนออกมาอย่างทันท่วงที แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มี่ซ้ำรอยเดิม

น้ำเน่าอาจระเหยกลายเป็นเม็ดฝนหล่อเลี้ยงผืนโลก กรวดทรายต่ำต้อยอาจถูกหล่อหลอมเป็นศิลป์สถาปัตย์
ทรงคุณค่าระดับสากล ข้าวเปลือกในนาอาจกลายเป็นกระยาหารของพระมหาจักรพรรดิ ลูกกุลีอาจกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน ฯลฯ

ขอเพียงมนุษย์ไม่ดูถูกตัวเอง ตระหนักรู้ถึงศักยภาพพิเศษที่ซุกซ่อนอยู่ในตน แล้วเพียรเจียระไนชีวิตให้แวววาวพราวพรายด้วยการศึกษาเรียนรู้ ซึมซับเก็บรับบทเรียนจากการงานและการใช้ชีวิตอย่างสุขุม ก็ย่อมจะมีชีวิตที่คุ้มค่า สงบ ร่มเย็น และเป็นสุขได้โดยไม่ยากเย็น

มือของผู้ให้ อยู่สูงกว่ามือของผู้รับ ชื่อของผู้ให้ น่าจดจำกว่าชื่อของผู้ขอ เกียรติของผู้ให้ กรุ่นหอมอยู่เหนือกาลสมัย ยิ่งกว่าเกียรติศักดิ์ของนักรบและปวงวีรบุรุษ

การให้ แค่เพียงคิดจะทำ ใจก็ยังเป็นสุข ครั้นได้ให้แล้ว จิตใจก็แช่มชื่นเบิกบาน เมื่อวันเวลาผ่านไป หวนกลับไปรำลึกถึงดวงหน้าอันเปี่ยมสุขของผู้รับ ความปีติสุขก็ย้อนกลับมาทำให้หัวใจอิ่มเอม

การให้ จึงเป็นความสุขแท้ทั้งเวลาก่อนให้ ขณะที่ให้ และหลังจากได้ให้ไปแล้ว

การเสียสละ แบ่งปัน เป็นทั้งความ "สมาน" คือ ความสามัคคีปรองดองระหว่างกันและกัน และเป็นกุศโลบายในการสร้างความ "เสมอ" คือ ให้คนทุกคนมองเห็นหัวอกของคนอื่น

เมื่อมนุษย์รู้จักแบ่งปันแก่กันและกัน อันมีพื้นฐานมาจากการมีอัชฌาศัยกว้างขวางเอื้ออารีเช่นนี้ ศานติภาพท่ามกลางความแตกต่าง ก็จะเกิดมีได้อย่างไม่ยากเย็นนัก


แหล่งที่มา : http://hilight.kapook.com/view/36668

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น